1. ซานฟรานซิสโกเป็น 1 เมืองที่มีความหลากหลายและน่าสนใจทางด้านอาหารมิใช่น้อย และมีร้านดังๆ ที่น่าทานอยู่เต็มไปหมดเลยค่ะ รีวิวครั้งนี้ กุ้งเลยสมมุติโจทย์ขึ้นมาว่า ถ้ามีเวลาแค่ 1 วันในซานฟรานซิสโก เราจะทานอะไรดีน้า และรวบรวมเป็นลิสต์ร้านน่าทาน 4 ร้าน 4 สไตล์ที่สามารถทานได้ใน 1 วันมาให้ค่ะ (หรือใครมีเวลาหลายวัน ก็ลองพิจารณาตามความเหมาะสมได้นะคะ) และเพื่อไม่ให้เป็นการเสียเวลา ตามกุ้งมาทานกันเลยยยยย

 

 

 

———

เริ่มจากร้านแรก ที่แนะนำให้ทานเป็นมื้อแรกของวันเลยค่ะ นั่นคือร้าน “Dottie’s True Blue Cafe” ร้านอาหารมื้อเช้า (และมื้อสาย) ชื่อดังของซานฟรานซิสโก ที่ได้รับรางวัลจากสื่อต่างๆ มากมาย รวมทั้งยังเป็น Best Breakfst in San Francisco จาก Zagat ด้วยค่ะ และกุ้งรู้จักร้านนี้จากอดีตนักเรียนเก่าซานฟรานซิสโกแนะนำมาว่า เป็น 1 ในร้านห้ามพลาดกันเลยทีเดียว

กุ้งไปถึงร้านประมาณ 10 โมงกว่าๆ พบว่าแถวยาวอ้อมไปด้านข้างร้านกันเลย และสรุปเราใช้เวลารอราว 45 นาทีถึงจะได้โต๊ะค่ะ เมนูมี 2 หน้าหลังดังนี้

และเนื่องจากเราไปทานกัน 3 คน เลยเลือกสั่งเมนูตามนี้ค่ะ โดยเริ่มจากเมนูแรกของกุ้งเลย นั่นคือ Smoked Salmon, Caper Tomato, Scallion and Natural Cream Cheese Scramble Egg โดยเลือกทานคู่กับ house-made buttermilk dill toast ค่ะ

อาหารที่ร้านนี้ก็เหมือนกับหลายๆ ร้านในอเมริกาค่ะที่เสิร์ฟมาจานใหญ่ บอกไว้ก่อนเผื่อท่านใดไม่ทราบจะได้ไม่ตกใจกันนะคะ สำหรับจานนี้ กุ้งว่ารสชาติโอเคดีค่ะ เป็นไข่คนครีมชีสผสมกับหลายๆ อย่าง แต่หลักๆ คือเคเปอร์กับแซลมอนรมควัน ซึ่งทำให้ตัวไข่ไม่คาวไม่เลี่ยนจนเกินไป เพราะมีความเปรี้ยวอมเค็มของเคเปอร์และความเค็มของแซลมอนมาช่วยตัด สำหรับตัวขนมปังบัตเตอร์มิลค์จะออกหวานหอม ทำให้ทานด้วยกันแล้วยิ่งเพิ่มรสชาติไปใหญ่ ((หมายเหตุ – สำหรับคนไม่ชอบรสเค็ม ไม่แนะนำให้สั่งเมนูนี้ค่ะ))

และจานถัดไปเป็นของน้องสาวกุ้งค่ะ นางเลือกสั่งเมนูในหมวด Breakfast Specials : The Open Road โดยเลือกไข่ให้ปรุงตามต้องการ พร้อมเครื่องเคียง และขนมปัง ซึ่งน้องกุ้งเลือกสั่งไข่เป็นแบบไข่เจียว ตามด้วยเบค่อน และเลือกเป็นแพนเค้ก ซึ่งเป็นอีกเมนูไฮไลท์ของร้านไว้ทานด้วยกัน (ตอนแรกเราแพลนว่าจะเลือกสั่งแพนเค้กอีกจานต่างหากมาลองชิม เพราะร้านนี้แพนเค้กดัง แต่พอเจอว่ามันมีในเมนูนี้ ก็เลยสั่งอันนี้แทนค่ะ) โดยทุกเมนู ร้านจะเสิร์ฟพร้อมมันฝรั่งสูตรตามร้านด้วยนะคะ

เมนูนี้เค้าเสิร์ฟจานหลักมาก่อน และตามด้วยแพนเค้ก 2 ชิ้นตามหลัง และแพนเค้กก็ชิ้นอย่างใหญ่เลยนะคะ (ใหญ่กว่าหน้ากุ้งอีกอะค่ะ) ซึ่งอันนี้เรารู้อยู่แล้วเพราะเห็นจากโต๊ะข้างๆ ซึ่งตอนแรกเราคิดว่าเรา 3 คนก็ล้วนแต่ขากิน น่าจะทานหมด แต่สรุปไม่หมดจ้า ไม่ใช่ไม่อร่อยนะคะ อร่อยเลย ทาเนยและแยมสูตรทางร้านที่รสอมเปรี้ยวเล็กน้อย แต่หอมกลิ่นผลไม้ดี เพราะทุกอย่างมันเยอะเกินกระเพาะคนไทยไปซะหมด 555

ต่อมาเป็นจานของเพื่อนค่ะ เพื่อนสั่ง Pulled Pork, Roast Onion, and Jack Cheese Scramble โดยเพื่อนเลือกทานพร้อมแป้งตอร์ติญ่าค่ะ

จานนี้เวลาตัก ชีสยืดน่าทานมากๆ

และเราสั่งเครื่องดื่มมาทานด้วยค่ะ เพื่อนสั่งกาแฟ แต่กุ้งเลือกสั่งช็อกโกแลตร้อน ซึ่งกุ้งว่ารสชาติยังไม่ถูกใจกุ้งมากนัก เพราะเค้าทำแบบค่อนข้างใสค่ะ (กุ้งชอบทานเข้มๆ ข้นๆ)

ค่าเสียหายมื้อนี้ (ทาน ณ วันที่ 15 เมษายน 18 ค่ะ) และอย่างที่รู้กันคืออเมริกามีธรรมเนียมเรื่องการให้ทิป เพราะฉะนั้นร้านดังๆ สมัยนี้ จะมีการคำนวณทิปที่เหมาะสมกับร้านแนะนำเอาไว้ให้เลย ซึ่งส่วนใหญ่ กุ้งก็จะเลือกที่เค้าคำนวณมาให้แหล่ะค่ะ โดยเลือกเรตต่ำสุดสมฐานะเรา 55 (แต่เราจะเลือกกรอกจำนวนเองตามที่ต้องการก็ได้นะคะ)

หมายเหตุ – ร้านนี้พนักงานบริการดีและเฟรนด์ลี่มากค่ะ

———-

ต่อมาร้านที่ 2 มื้อกลางวัน มื้อนี้กุ้งขอพามาทานที่ Fisherman’s Wharf สถานที่ชื่อดังอีกที่ในซานฟานซิสโกค่ะ

ที่นี่เป็นท่าเรือประมงที่สำคัญตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบัน เพราะเป็นจุดที่มีการขนถ่ายปลาและอาหารทะเลมากมาย และแน่นอน มื้อนี้กุ้งจะมาทานอาหารทะเลกันค่ะ โดยแถบนี้มีเมนูขึ้นชื่อคือ Clam Chowder ซุปครีมหอยลายที่ใส่ในขนมปัง Sour Dough (ซึ่งร้านดังคือร้าน Boudin) แต่ตอนนั้นเราอยากทานเป็นซีฟู้ดจ๋าๆ มากกว่า เลยเลือกทานที่ร้าน “The Grotto (Fisherman’s No 9)” ซึ่งมีเพื่อนที่เป็นนักเรียนเก่าอเมริกาอีกคนหนึ่งแนะนำมาเช่นกันค่ะ

ร้านนี้พนักงานต้อนรับด้านหน้าเป็นคุณป้า แต่เฟรนด์ลี่มากกกก แล้วก็ประชาสัมพันธ์ร้านสุดฤทธิ์ โดยบอกว่าชั้น 2 ของร้านเห็นวิวสะพานโกลเด้นเกทอย่างชัดเจนด้วยนะ แต่เสียดายเพราะเราไปช่วงเวลาเที่ยงๆ ทำให้ที่นั่งวิวดีๆ ถูกจับจองไปพอสมควรแต่วิวที่เราได้ก็ถือว่าโอเคค่ะ เก็บบรรยากาศได้เหมือนกัน (ร้านนี้กุ้งเลือกให้มาทานเป็นมื้อเที่ยง เพราะจะได้ชมวิวสวยๆ ได้เต็มตาค่า)

บรรยากาศในร้าน เป็นวิวกระจกโดยรอบ และมุมที่เห็นสะพานโกลเด้นเกท คือริมหน้าต่างด้านในรูปค่ะ

เมนูในร้าน

แต่สำหรับท่านใดที่อยากทานซีฟู้ดแบบไม่เป็นโต๊ะนั่งทางการ หรืออยากทานที่ราคาย่อมเยาลง ละแวกนั้นก็มีร้านให้เลือกเยอะอยู่นะคะ ลองเดินตัดสินใจดูก่อนก็ได้ค่ะ (กุ้งเก็บภาพร้านอื่นๆ มาให้ดูด้วย)

สำหรับที่ร้านนี้ เราไปกัน 4 คน เลือกสั่ง 5 เมนู โดยพอออเดอร์อาหารเสร็จ เค้าก็เอาขนมปังและเนยมาเสิร์ฟค่ะ ซึ่งขอบอกว่าเนยอร่อยหอมมัน จนเราขอเพิ่มเลยทีเดียว

และนี่คือเมนูที่เราสั่งค่ะ
1. Steamed Maine Lobster

เป็นเมนูล็อบสเตอร์ไซส์ 1 1/4 ปอนด์ เนื้อสดหวานดีค่ะ ทานคู่กับเลม่อนและบัตเตอร์สไตล์ฝรั่ง

2. Fisherman’s Platter อันประกอบไปด้วย Fried Calamari, Popcorn Shrimp, Crab Cake, Rockfish และเครื่องเคียง พร้อมซอสสูตรเฉพาะของทางร้าน

เมนูนี้คือเมนูซีฟู้ดที่เหมาะกับเด็กโลภอย่างเรามากค่ะ เพราะได้ซีฟู้ดหลายอย่างในจานเดียว 555 ซึ่งจานนี้กุ้งชอบนะคะ อร่อยดี

3. Oyster : เนื่องจากปกติเมนูหอยนางรมไม่ไ่ด้มีมาทุกวัน แต่วันนี้มี พวกเราก็เลยสั่งมาลองชิมกันค่ะ ซึ่งก็อร่อยดีนะคะ แต่ส่วนตัวว่าราคาสูงไปหน่อย เพราะไม่ได้รู้สึกว่ารสชาติโดดเด่นเกินราคาขนาดนั้น

4. Grilled Swordfish : อันนี้ก็สั่งเพราะพนักงานแนะนำว่าเป็นเมนู Today’s Special ซึ่งกุ้งทานแล้วก็ถือว่าโอเคอยู่ค่ะ ((แต่คิดว่าไม่สั่งก็ได้))

5. Crab Stuffed Petrale Sole : เพราะเราเป็นคนเชื่อคนง่าย 555 เมื่อพนักงานแนะนำว่าเป็นอีกเมนูใน Today’s Special ทำให้ไม่สั่งไม่ได้อีกแล้วค่ะ 55 จานนี้กุ้งว่าก็อร่อยนะคะ ออกแนวคร็อกเก้ปู จะออกครีมมี่ๆ นิดๆ

ค่าเสียหายมื้อนี้ค่ะ (ราคายังไม่รวมทิป ตามเรตที่แนะนำด้านล่างของบิล) เรียกได้ว่า เดินออกมาจากร้าน ตัวเบาเล็กน้อย แต่ถ้าเทียบกับรสชาติ, วิว, การบริการ ก็ไม่ได้ถือว่าแพงเกินไปนะคะ

หมายเหตุ – ใกล้ๆ ละแวกนี้เป็น Ghirardelli Square ซึ่งมี Ghirardelli ช็อกโกแลตร้านดังอยู่ (ชื่อร้านก็ชื่อเดียวกับชื่อจตุรัสนั่นแหล่ะค่ะ 55) ใครสนใจสามารถไปทานได้ โดยร้านนี้มีหลายสาขาในซานฟรานซิสโก แต่เนื่องจากร้านนี้อาจจะหนักไปสำหรับท่านที่เพิ่งทานมื้อเช้าและเที่ยงมา เลยขอแนะนำเป็นร้านที่ 3 ดังด้านล่างแทนค่ะ

——–

มาต่อร้านที่ 3 กันค่ะ ร้านนี้ให้เป็นมื้อว่างละกันเนาะ เพราะกุ้งจะพาไปทานไอศกรีมกันค่ะ นั่นก็คือร้านไอศกรีมยี่ห้อ “Swensens’s” (สเวนเซ่นส์) ที่คนไทยคุ้นเคยกันดี แต่แค่ไอศกรีมสเวนเซ่นส์ ทำไมจะต้องใส่ในลิสต์นี้ล่ะเนาะ แต่ก็เพราะสาขานี้เป็นสเวนเซ่นส์สาขาแรกของโลกนั่นเองค่ะ โดยสาขานี้ถูกก่อตั้งเมื่อปีค.ศ. 1948 ณ จุดนี้ตรงนี้เลย

ในร้านไม่มีที่นั่งแบบเมืองไทยนะคะ เป็นแต่ Take Away อย่างเดียว โดยกุ้งเลือกสั่งไอศกรีมแบบโคน รส Sticky Chewy Chocolate ซึ่งเป็น 1 ในรสที่กุ้งชอบค่ะ เพื่อจะได้มีรสเปรียบเทียบกับไทยว่าเหมือนหรือต่างกันอย่างไร ราคา 1 โคน US$ 3.4 ให้มาลูกโต ชิมแล้วกุ้งว่ารสชาติคล้ายที่บ้านเราแต่อ่อนกว่าเล็กน้อย (ซึ่งโดยส่วนตัว กุ้งแอบชอบรสแบบบ้านเรามากกว่านิดนึงค่ะ)

ตัวร้านเล็กๆ โบๆ พนักงานหน้าตาไม่ยินดียินร้าย และระหว่างกุ้งซื้อทาน ก็เห็นคนต่างชาติและคนไทย แวะเวียนมาอุดหนุนเป็นระยะๆ ค่ะ ซึ่งเป็นคนไทยก็เยอะเหมือนกัน

ถ้าต้องการซื้อแบบ Take away กลับบ้าน ก็จัดไปในแบบนี้เลยค่า

———-

ต่อมามื้อเย็น ปิดท้ายด้วยร้าน “House of Prime Rib” ร้านสเต๊กเฮาส์คู่บ้านคู่เมืองซานฟรานซิสโกมากว่า 70 ปี และสำหรับร้านนี้ บอกได้เลยว่า สายเนื้อห้ามพลาด!!!

คำแนะนำ : ร้านนี้ควรโทรจองก่อนค่ะ เพราะคนจะเยอะมากกก แต่หากไม่จองหรือจองไม่ทันแต่อยากทาน ให้ไปก่อนเวลาเปิดร้าน (เช็คเวลาเปิดจากหน้าเว็บของร้านได้เลยค่ะ เพราะแต่ละวันเปิดไม่เหมือนกัน) และไปลงชื่อรอคิว เพราะอาจจะมีคนแคนเซิล

ร้านนี้เสิร์ฟเมนูหลักๆ คือ prime rib ซึ่งเป็นลายหินอ่อนสวย โดยคัดเกรดเนื้อคือระดับบนสุด 2% ของเนื้อในท้องตลาด นำมาผ่านกรรมวิธีเฉพาะของร้าน และเสิร์ฟโดยวิธีที่เชฟมาแล่สด ให้เราถึงโต๊ะค่ะ เนื้อมีชนิดเดียว แต่มีหลายขนาด และราคาขึ้นอยู่กับแต่ละขนาดที่เราสั่งค่ะ

พอนั่งโต๊ะ สั่งอาหาร เค้าก็จะมีขนมปังและเบเกอรี่ประจำวันมาให้ทานก่อน

สำหรับเซ็ตเนื้อที่เราสั่ง จะมี accompaniment ดังนี้
1. สลัด : ซึ่งเชฟจะมาปรุงสดๆ ให้ที่โต๊ะเรา

2. Baked Potato หรือ Mashed Potato : ซึ่งอันนี้ถ้าเราสั่งเป็น Baked Potato เชฟจะมาทำสดให้ที่โต๊ะเช่นกันค่ะ

3. Yorkshire Pudding

4. Creamed Spinach

สำหรับเมนูที่กุ้งสั่งคือ The English Cut ซึ่งจะเป็นเนื้อสไลด์ชิ้นบาง ที่จะทำให้เราได้สัมผัสรสชาติของเนื้อได้เต็มที่

ส่วนอันนี้คือ Yorkshire Pudding ค่ะ

ใส่คู่กันในจาน

สำหรับจานของเพื่อนกุ้งสั่งเป็น King Henri VIII Cut ซึ่งจะเป็นชิ้นที่หนาสุด เหมาะสำหรับคนที่ทานได้เยอะค่ะ

ชิ้นหนา และให้ปริมาณมาเยอะจริงๆ

และเสิร์ฟพร้อม Mashed Potato และ Creamed Spinach

และสรุปก็ทานไม่หมดทั้งคู่นะคะ 555 เพราะมันเยอะอะค่ะ (และเอาจริง มองไปโต๊ะข้างเคียง คนทานไม่หมดเยอะมากค่ะ ห่อกลับกันแทบทุกโต๊ะเลย)

สำหรับมื้อนี้ ราคาอาจจะสูง แต่ถ้าเทียบกับสิ่งที่ได้รับ ต้องขอบอกว่าไม่แพงเลยค่ะ เพราะร้านหรูหรา บริการดีมาก และอาหารอร่อย ถือเป็น 1 มื้อที่ประทับใจจนอยากบอกต่อมากมาย (ในบิลยังไม่รวมทิปนะคะ)

——–

สรุป : ก็เป็นรีวิวที่กุ้งรวบรวมอาหารในแต่ละช่วงเวลาที่เหมาะสมของวัน ในซานฟรานซิสโกมาให้ค่ะ ซึ่งทุกร้านการันตีความดังความฮิต และหากท่านใด อยากไปลองชิมอาหารร้านเหล่านี้ รวมทั้งชมสถานที่ท่องเที่ยวสวยๆ และน่าสนใจมากมายของซานฟรานซิสโก สามารถเลือกจองตั๋วเครื่องบินได้จากแอพ traveloka หรือจองผ่าน www.traveloka.com/th-th/ ก็ได้ค่ะ เป็นแหล่งที่กุ้งใช้ค้นหาตั๋วเครื่องบินเสมอๆ เพราะนอกจากจะค้นหาง่ายและสะดวกแล้ว ยังชอบมีส่วนลดหรือโปรโมชั่นดีๆ ออกมาคืนกำไรให้เราตลอดๆ ค่ะ

0

 likes / 0 Comments
Share this post:

Archives

> <
Jan Feb Mar Apr May Jun Jul Aug Sep Oct Nov Dec
Jan Feb Mar Apr May Jun Jul Aug Sep Oct Nov Dec
Jan Feb Mar Apr May Jun Jul Aug Sep Oct Nov Dec